วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

About Me



       Hello!..My name is Nattakarn  Sukyoy. My friends call me "Ray". I'm twenty-one years old. My student number is 5411114018. I live in Nakhon Si Thammarat, Thailand. Now I'm study at Nakhon si Thammarat Rajabhat University. When I have free time I use internet for watching hair tutorial on youtube. If you want to contact me ... 
you can -------->
@friends on facebook:https://www.facebook.com/nattakarn.sukyoy
My Blog :http://tech-nattakarn.blogspot.com/
My e-mail : Nattakarn_3@hotmail.com




วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Computer Assisted Instruction : CAI

        คอมพิวเตอร์ช่วยสอนคืออะไร
        คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (Computer Assisted Instruction : CAI)
เป็นกระบวนการเรียนการสอน โดยใช้สื่อคอมพิวเตอร์
ในการนำเสนอเนื้อหาเรื่องราวต่างๆ มีลักษณะเป็นการเรียนโดยตรง และเป็นการเรียน
แบบมีปฏิสัมพันธ์ (Interactive) คือสามารถโต้ตอบระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์ได้



         องค์ประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
- เสนอสิ่งเร้าให้กับผู้เรียน ได้แก่ เนื้อหา ภาพนิ่ง คำถาม ภาพเคลื่อนไหว
- ประเมินการตอบสนองของผู้เรียน ได้แก่ การตัดสินคำตอบ
- ให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อการเสริมแรง ได้แก่ การให้รางวัล หรือ คะแนน
- ให้ผู้เรียนเลือกสิ่งเร้าในลำดับต่อไป


         ประโยชน์ของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
    1. สามารถตอบสนองการเรียนรู้ส่วนบุคคลได้ ซึ่งผู้เรียนสามารถเรียนรู้ตามระดับ
ความสามารถและอัตราความเร็วตามที่ต้องการ
    2. สามารถสร้างแรงจูงใจในการเรียนโดยการใช้สี เสียงและภาพ รวมทั้งการออกแบบ
โปรแกรมที่น่าสนใจ
    3. สามารถคิดคำนวณได้รวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้ผู้เรียนเรียนวิชาคณิตศาสตร์ได้
อย่างมีประสิทธิภาพ
   4. ช่วยสอนความคิดรวบยอด (Concept) และทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
   5. สามารถเรียนได้อย่างไม่จำกัดเวลา และทบทวนได้ตามที่ ต้องการ
   6. สามารถจัดแผนการสอนได้ดี ด้วยการที่ผู้สอนสร้างโปรแกรมที่มีขั้นตอนและ
ระบบที่ดี เช่น มีจุดมุ่งหมาย สอนเนื้อหา ทดสอบและให้ผลย้อนกลับ และยังสามารถเก็บ
ข้อมูลผู้เรียน วิเคราะห์และเสนอผลการประเมินได้



     ความสำคัญของ CAI 
     CAI (Computer Assisted Instruction) หรือ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
หมายถึงสื่อการเรียนการสอนทางคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่งที่นิยมบันทึกลงบนแผ่น
CD-ROM ซึ่งสามารถนำเสนอสื่อประสมได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง กราฟิก
แผนภูมิที่ใกล้เคียงกับการสอนจริงมากที่สุดโดยการนำเสนอเนื้อหาทีละจอภาพ
ซึ่งรูปแบบจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับธรรมชาติ และโครงสร้างของเนื้อหา
โดยมีเป้าหมายสำคัญคือสามารถดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความต้องการ
ที่ จะเรียนรู้ CAIจึงเป็นสื่อการศึกษายุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากและยังมีข้อได้เปรียบ
เหนือสื่ออื่นๆด้วยกันหลายประการและสามารถตอบสนองความแตกต่างระหว่างผู้เรียน
ซึ่งผู้เรียนจะมีปฏิสัมพันธ์หรือการตอบโต้ พร้อมทั้งได้รับผลย้อนกลับ (feedback
อย่างต่อเนื่องกับเนื้อหาและกิจกรรมต่างๆจึงง่ายต่อการประเมินและตรวจสอบความเข้าใจ
ของผู้เรียนได้ตลอดเวลาขณะเดียวกันผู้เรียนสามารถนำ CAI ไปใช้เรียนด้วยตนเอง
โดยปราศจากข้อจำกัดด้านเวลา และสถานที่ในการดำเนินการศึกษาค้นคว้า CAI
จึงเป็นสื่อสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ในลักษณะที่เน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง
ได้เป็นอย่างดี



       แนวทางการนำไปใช้
       หลายปีที่ผ่านมา สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนา ปรับปรุงเพิ่มเติมเทคโนโลยีเพื่อให้สถาบันและบุคลากรของตนเองได้เรียนรู้และก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่ไม่หยุดยั้งของเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันด้วยคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างกันไปของเทคโนโลยีแต่ละชนิดนั้นทำให้สามารถจัดกระบวนการเรียนการสอนกิจกรรมได้หลากหลายรูปแบบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
      คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) เป็นหนึ่งในสื่อเทคโนโลยีที่ถูกคัดเลือกมาเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพของการคิดการเรียนรู้ และการค้นคว้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบัน CAI ได้กลายเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสื่อหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายของวงการศึกษาไทยด้วยคุณสมบัติพิเศษ ของ CAI ที่มีข้อได้เปรียบสื่ออื่น ๆ สามารถแสดงผลได้หลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาพเคลื่อนไหว เสียงประกอบ และการปฏิสัมพันธ์ (Interactive) บวกกับความสามารถในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ๆ ทำให้เป็นสื่อที่ตอบสนองการเรียนการสอน ในรูปแบบเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง (Child Center) ได้อย่างดียิ่งเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้า ด้วยกระบวนการที่สามารถคิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาเป็นเพื่อเป้าหมายให้นักเรียนเป็นคนเก่งคนดี และดำรงตนอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
     ดังนั้น หากนำ CAI ที่ได้รับการคัดเลือกตามคุณสมบัติที่ดีของสื่อนั้น มาประกอบกับการจัดเตรียมห้องเรียนหรือศูนย์ค้นคว้าที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่มอยู่ก็สามารถก่อให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพในอันที่จะพัฒนาตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ให้บรรลุได้ในเวลาอันรวดเร็วยิ่งขึ้นไป





วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

Conclusion ... โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยเรียนภาษา CALL (Computer-assisted language learning program)

                 CALL ได้กลายเป็นทางเลือกทางหนึ่งที่ดึงดูดใจในรูปแบบดั้งเดิมของการเสริมหรือการแทนที่ปฏิสัมพันธ์ของครูและนักเรียนโดยตรงได้ เช่น ห้องปฏิบัติการทางภาษาหรือเทปเสียงการศึกษาด้วยตนเอง บทความนี้ส่วนใหญ่เน้นและแสดงให้เห็นถึงบทบาทที่มีศักยภาพของโปรแกรม CALL ที่สามารถเล่นในห้องเรียนภาษา อีกทั้งเป็นตัวช่วยที่มีความสำคัญในการเรียนการสอน หรือเป็นเครื่องมือในการการเรียนการสอน บทความนี้กล่าวถึง CALL ว่าทำไมถึงเป็นสิ่งที่สำคัญในพื้นที่ของการเรียนการสอนภาษาและการเรียนรู้สถานการณ์ รวมถึงการพัฒนาของโปรแกรมช่วยเรียนภาษาโดยเฉพาะ ในการสอนภาษาครูและผู้เรียนมีความคาดหวังในการการออกแบบโปรแกรมและประยุกต์วิธีการใช้ จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและภัยคุกคาม ของการทำงานทั้งสองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของไทย
                   (Kanoksilapatham, 2009) กล่าวว่า แม้ว่าการใช้ประโยชน์จาก CALL ในการสอนภาษาจะเป็นผลดีต่อแต่ถ้าหากมีการใช้มากจนเกินไปก็จะไม่ดีต่อสุขภาพสุขภาพ อันที่จริงแล้วไม่ควรใช้สื่อนี้มาแทนที่หรือเปลี่ยนการสอนในห้องเรียนของครู Kanoksilapatham ยังให้คำแนะนำต่ออีกว่า CALL ควรจะนำมาใช้เป็นการเฉพาะกิจ หรือแค่นำมาเสริมการเรียนการสอนในห้องเรียน บทความนี้ยังมีความพยายามที่จะเปลี่ยนครูไทยที่สอนภาษาอังกฤษเพื่อพยายามที่จะเพิ่มโอกาสให้เสนอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ถ้าหากจะใช้ก็ต้องกำหนดกิจกรรมและเพิ่มการฝึกภาษาให้แก่ผู้เรียนควรจะตรวจสอบได้อย่างเหมาะสมและฝึกทักษะภาษาของพวกเขาที่จะคาดหวัง สำหรับผู้เรียนภาษาไทยที่พวกเขาต้องการเพื่อให้สามารถใช้งานต่อเนื่องการทดลองและประเมินผลกิจกรรม CALL ที่เหมาะสมและมีความหมายเพื่อเสริมสร้างความรู้ภาษาอังกฤษและปริญญาโททักษะการใช้ภาษาอังกฤษซึ่งเป็นเป้าหมายของการเรียนรู้ภาษา ถ้าหากจะใช้ก็ต้องกำหนดกิจกรรมและเพิ่มการฝึกภาษาให้แก่ผู้เรียนควรจะตรวจสอบได้อย่างเหมาะสมและฝึกทักษะภาษาของพวกเขาที่จะคาดหวัง สำหรับผู้เรียนภาษาไทยที่พวกเขาต้องการเพื่อให้สามารถใช้งานต่อเนื่องการทดลองและประเมินผลกิจกรรม CALL ที่เหมาะสมและมีความหมายเพื่อเสริมสร้างความรู้ภาษาอังกฤษและปริญญาโททักษะการใช้ภาษาอังกฤษซึ่งเป็นเป้าหมายของการเรียนรู้ภาษา


วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Project Base Learning

--> แนวการจัดการศึกษา
      มาตราที่ 22 การจัดการศึกษา ต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนมีความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ผู้เรียนสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ

--> Learning by doing
      หากต้องการเรียนรู้สิ่งไหนก็ต้องทำมันด้วยตนเอง ในยุคศตวรรษที่ 21 คิดวิเคราะห์ ทำงานเป็นกลุ่ม และในที่สุดชิ้นงานก็จะออกมาดี และมีคุณภาพสูง


--> ประเภทโครงงานภาษาอังกฤษ

 1. โครงการค้นคว้าข้อมูล

 2. โครงการสำรวจ

 3. โครงการทดลอง (บูรณาการ)

 4. โครงการแสดง

 5. โครงการสิ่งประดิษฐ์/ผลผลิต


--> ข้อดีของโครงงานภาษาอังกฤษ

 1. นักเรียนสามารถเลือกเรียนสิ่งที่เขาต้องการเรียน

 2. นักเรียนได้ฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม

 3. นักเรียนได้ค้นคว้าสิ่งที่สนใจ ด้วยตนเอง

 4. นักเรียนได้พัฒนาความรู้


--> เค้าโครงงานภาษาอังกฤษ

 1. หัวข้อโครงงาน (Title)

 2. ชื่อผู้ทำโครงงาน (Author)

 3. ชื่อที่ปรึกษาโครงการ (Advisor) 

 4. ที่มาของปัญหา (Statement of the Problem)

 5. วัตถุประสงค์ของโครงงาน (Objective) 

 6. วิธีดำเนินการ (Process)

 7. ผลที่คาดว่าจะได้รับ (Expected Result)

 8. เอกสารอ้างอิง (Reference)


--> การประเมินโครงงานภาษาอังกฤษ

 1. ชิ้นงาน

 2. รายงาน

 3. รายงานหน้าชั้น

 4. การจัดนิทรรศการ

 5. การนำเสนอ

 6. แบบบันทึก


วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

FORUM : A Story-Based Framework for a Primary School Classroom



The framework of two story-based lessons provided extra language practice by supplementing course material and engaging students in a variety of activities that involvedconsolidating vocabulary and structures and also practicing microskills. The lessons seemedto be motivating and interesting and exercised both the students’ imagination and their languageskills. The stories (a) aroused students’curiosity and made them want to find outmore about the text, and (b) provided a starting point for related language activities todevelop both receptive and productive skills. The lessons also promoted vocabulary recycling, as they allowed the teacher to introduce and revise vocabulary.

FORUM : Speaking and Listening Online


  • Computer Assisted Language Learning and the Internet

The use of computer technology in the classroom is referred to as Computer Aided
Instruction (CAI).

  • Receptive communication on the Web

Communication activities on the Internet can be categorized as receptive or interactive
(Opp-Beckman 1999).

Alexander and Tate (1996) classify
websites into five types: 
(1) advocacy/opinionwebsites, such as http://www.tolerance. org/;
(2) business/marketing websites, such as http://www.south-beach-diet.biz/; 
(3) news websites,such as http://news.bbc.co.uk/;
(4) informational websites, such as http://dictionary.reference.com/; 
and (5) personal websites

  • Activities
For receptive communication activities, teachers can either create their own activities
or have students access websites that include prepared exercises.




  • Benefits and limitations
There are several benefits to using receptive communications on the Internet with language learners.


  • Interactive communications on the Web

Interactive communication activities on the Internet can be synchronous or asynchronous
(Lafford and Lafford 1997). Asynchronous activities involve two or more individuals, do not occur in real-time, and include composing and answering messages on email and discussion boards.

  • Synchronous, Computer-Mediated

Communication programs As a result of the increasing use of interactive multimedia and Internet technologies
for language learning, the term Computer-Mediated Communication (CMC) was coined to describe the interactive use of computer and Internet technologies to communicate, and to differentiate natural language
discourse analysis from computerized interactions (Paramskas 1999).

  • Activities

Live chat offers users the possibility to chat in real-time with other users from around the
world.

  • Benefits and limitations
Research into CMC has indicated several possible benefits of using electronic communications with ESL/EFL learners.


--->>The use of computers in the foreign language
classroom has greatly influenced how
teachers teach and students learn, and continuing
advances in Internet technology will
most likely continue to affect the profession.
However, as with many teaching methods,
certain principles must be followed to make
them successful. Egbert, Chao, and Hanson-
Smith (1999, 4) identify the following eight
conditions for optimal language learning
environments:
1. Learners have opportunities to interact
and negotiate meaning.
2. Learners interact in the target language
with an authentic audience.
3. Learners are involved in authentic tasks.
4. Learners are exposed to and encouraged
to produce varied and creative language.
5. Learners have enough time and feedback.
6. Learners are guided to attend mindfully
to the learning process.
7. Learners work in an atmosphere with an
ideal stress/anxiety level.
8. Learner autonomy is supported.

Volume 43  N umber 3  2 0 0 5



FORUM : Finding New Messages In Television Commercials

----หาข้อความใหม่ในโฆษณาโทรทัศน์--

  • ดูรายการกิจกรรม
  ใช้วิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพในห้องเรียน ต้องมีโครงสร้างบทเรียน รวมทั้งการแสดงตัวอย่างและชมกิจกรรมที่โพสต์

1. การแสดงตัวอย่างการอภิปราย
บทเรียนเริ่มต้นด้วยการสนทนาสั้น ๆเกี่ยวกับโฆษณาทางโทรทัศน์
จากสามมุมมองที่แตกต่างกัน : เศรษฐศาสตร์ ศิลปะและความหมาย


2. ชมครั้งแรก
เทปแปดนาทีจาก 12 โฆษณา ก็แสดงให้เห็นในสิ่งทั้งปวงโดยไม่หยุดชะงัก

แล้วถามคำถามสำหรับปฏิกิริยาแรกของพวกเขา:
คุณเข้าใจทุกอย่างใช่ไหม? คุณเข้าใจเพียงเล็กน้อยใช่ไหม? คุณคาดการณ์ถูกหรือเปล่า?

3. ชมครั้งที่สอง
ในระหว่างขั้นตอนของบทเรียนโฆษณานี้กำลังศึกษาในเชิงลึก
โดยใช้ห้าขั้นตอนการวิเคราะห์ ในการทำงานในกลุ่มขนาดเล็ก นักเรียนให้ข้อมูลที่จำเป็นในแต่ละขั้นตอน
       ตัวอย่างที่ 1 โฆษณา สำหรับโทรศัพท์มือถือ

                          -ขั้นตอนที่ 1: สร้างเรื่องราวในไม่กี่ประโยค
                          -ขั้นตอนที่ 2: ระบุรายละเอียด

                          -ขั้นตอนที่ 3: ชี้แจงข้อความด้านหน้า
                          -ขั้นตอนที่ 4: อธิบายพื้นฐานข้อความ
                          -ขั้นตอนที่ 5: เพิ่มเติมเนื้อหาเฉพาะ
4.  กิจกรรมหลังดู


5.  กิจกรรมการติดตามอื่น ๆ
นักเรียนทุกคนในหลักสูตรภาคฤดูร้อน จำเป็นในการสร้างผลงานของแต่ละบุคคล
ในการทำงาน



English Teaching Forum 2005, Volume 43, Number 3